Monday, August 26, 2013

ช้อนส้อมในโรงอาหารก็สำคัญนะ

    ถ้ากล่าวถึงความสะอาดของโรงอาหาร สิ่งที่ทุกคนมักจะนึกถึงเป็นเรื่องแรก คงหนีไม่พ้นเรื่อง
ความสะอาดของช้อน ส้อม  ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราและมักเกิดปัญหาขึ้นบ่อยมากที่สุด
ทั้งเรื่องของความสกปรก  ความไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนในโรงอาหาร การล้างทำความสะอาดที่ไม่ถูกสุขอนามัย ก่อนที่เราจะพูดถึงในเรื่องของความสะอาด เรามารู้จักกันก่อนดีกว่าว่าช้อนส้อมคืออะไร และมีความหมายว่าอะไร

ส้อมคืออะไร?

ส้อม เป็นเครื่องครัว ที่ประกอบไปด้วยด้ามจับและปลายแหลมหรือเงี่ยงหลายซี่ที่อีกด้าน โดนปกติมีประมาณ 2-4 ซี่. ส้อมเป็นอุปกรณ์ในการช่วยรับประทานอาหารที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศตะวันตก ขณะที่เอเชียตะวันออกจะใช้ตะเกียบเสียมากกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้เอเชียตะวันออกก็ใช้ส้อมอย่างแพร่หลายแล้วเช่นกัน
เครื่องใช้นี้มักทำมาจากโลหะใช้ในการตักอาหารเข้าปาก ซึ่งอาหารที่ถูกตักจะสามารถยกขึ้นได้ด้วยการใช้เงี่ยยงแทงเข้าไป หรือใช้ตักอาหารโดยให้อาหารอยู่ข้างบนเงี่ยงนั้นแล้วถือด้ามจับในแนวนอน ซึ่งการจะใช้ส้อมตักแบบนี้ได้มักเป็นส้อมที่มีลักษณะงุ้มขึ้นตรงปลาย นอกจากนี้ส้อมยังใช้ในการช่วยกลับอาหารขณะปรุงอาหาร หรือใช้ในการตัดอาหารด้วย





ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า ช้อนกึ่งส้อม (spork) อันเป็นเครื่องใช้ในครัวที่มีลักษณะกึ่งช้อนกึ่งส้อม อันเป็นการพยายามออกแบบให้เป็นเครื่องใช้ในครัวเพียงชิ้นเดียวที่ใช้ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ เพื่อลดความยุ่งยากในการมีเครื่องใช้ในครัวหลายชิ้นลง โดยเฉพาะมีด ด้านหลังของช้อนกึ่งส้อมออกแบบเป็นรูปทรงคล้ายช้อนซึ่งสามารถใช้ตักอาหารหรือแม้แต่ของเหลวได้ ขณะที่ตรงปลายมีเงี่ยงเล็กๆ คล้ายส้อมช่วยในการจิ้มอาหาร ทำให้สะดวกต่อการรับประทานอาหาร อุปกรณ์ชนิดนี้ได้รับความนิยมในการรับประทานอาหารจานด่วนและใช้ในกองทัพของชาวตะวันตกเป็นอย่างมาก
ในวัฒนธรรมไทย ไม่ปรากฏชัดการนำส้อมเข้ามาใช้ว่ามีมาแต่เมื่อใด แต่เนื่องจากมีการใช้ช้อนอย่างแพร่หลายในการตักข้าวอยู่แล้ว ส้อมจึงอยู่ในฐานะในอุปกรณ์ที่ช่วยในการรับประทานอาหารอันมีหน้าที่ช่วยเกลี่ยอาหารในจาน ช่วยตัดชิ้นเนื้อ และช่วยจิ้มอาหารเท่านั้น มิได้มีหน้าที่ตักเป็นหลักอย่างที่ชาวตะวันตกใช้แต่อย่างใด ส่วนช้อนกึ่งส้อมนั้นปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง แต่เนื่องจากชาวไทยมิได้ทานเนื้อเป็นหลัก และนิยมใช้ช้อนสั้นโลหะซึ่งสามารถตัดเนื้อได้อยู่แล้ว ช้อนกึ่งส้อมจึงไม่ได้รับความนิยมจากชาวไทยอย่างชาติตะวันตก

ช้อนคือ?


ช้อน เป็นเครื่องครัวที่มีลักษณะเป็นแอ่งตื้นและเล็กกว่าทัพพี ตรงปลายมีที่จับ โดยทั่วไปใช้ในการตักอาหารเหลว หรืออาหารกึ่งเหลว หรืออาหารแข็งที่ไม่อาจใช้กับส้อมได้อย่างสะดวก เช่น ใช้ในการตักข้าวหรือธัญพืช นอกจากนี้ ช้อนยังใช้ในการทำอาหารที่จะตวงวัดปริมาณส่วนผสมของอาหารที่จะใช้ด้วย ช้อนอาจจะทำมาจากโลหะ ไม้ พลาสติก หิน หรือแม้แต่งาช้าง
ในวัฒนธรรมไทยแต่เดิมใช้มือในการเปิบอาหารรับประทาน ภายหลังมีการนำช้อนเข้ามาใช้ โดยปรากฏในรูปของช้อนสั้น ส่วนในปัจจุบันมักใช้ช้อนยาวคู่กับส้อมในการรับประทานอาหารโดยทั่วไป ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดที่ใดในโลก แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามีการนำช้อนคู่กับส้อมเมื่อใด



ค่านิยมนำช้อน-ส้อม จุ่มนํ้า ในโรงเรียน ฆ่าเชื้อโรคได้จริงหรือ?

การเลือกสรรอุปกรณ์การกินที่เรารู้สึกว่าสะอาดปลอดภัยก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ ผู้บริโภคทำอย่างสม่ำเสมอ ขอเปลี่ยนได้ก็ขอ เช็ดได้ก็เช็ด (แม้ว่าจะต้องใช้กระดาษทิชชู่สีชมพูก็ตาม)

 และอีกอย่างหนึ่งที่ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการกินของเราที่พบมากขึ้น เรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณศูนย์อาหารในศูนย์การค้า หรือโรงอาหารในสถาบันต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คือหม้อหุงข้าวเปิดฝาบรรจุน้ำร้อนสำหรับให้ผู้บริโภคนำช้อนส้อมตะเกียบมาลวก ฆ่าเชื้อโรค 

กล่าว กันว่า การลวกช้อนส้อมได้กลายมาเป็นที่นิยมในประเทศไทยหลังจากมาตรการควบคุมการ ระบาดของโรคไวรัสตับอักเสบเอที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งทำให้ศูนย์อาหารหลายแห่งนำไปใช้บ้างจนหม้อหุงข้าวลวกอุปกรณ์การกินแพร่ กระจายไปทั่วประเทศ หลักการของการจุ่มลวกช้อนส้อมเหล่านี้ ก็มาจากการที่เราทราบกันว่า น้ำร้อนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ 

เชื้อโรคที่น่ากลัวเหล่านั้น ก็คือพวกจุลินทรีย์ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พวกไวรัส และแบคทีเรียก่อโรคต่างๆ ที่หากร่างกายได้รับเข้าไปแล้วนั้น จะทำให้มีอาการเจ็บป่วยตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนร้ายแรงถึงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทำให้ผู้บริโภคท้องเสีย อาเจียน เป็นโรคต่างๆ ปวดศีรษะ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้คนเราเกลียดชังเชื้อโรคกันมาก และหวังว่าจะสามารถกำจัดออกไปจากอุปกรณ์ช้อนส้อมของเราได้ด้วยตนเอง

แต่ การทำลายเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ต้องการอุณหภูมิที่สูงกว่า98 องศาเซลเซียส และใช้เวลานานถึง 4 นาที คำถามจึงมีอยู่ว่า ถ้าเช่นนั้น ลวกเพียงครู่เดียวแล้วได้อะไรขึ้นมา

การ แก้ปัญหาเบื้องต้นสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็คือ ยืนจุ่มช้อนส้อมและจับเวลาให้ได้ 4 นาที เพื่อให้ได้ช้อนส้อมที่สะอาดปราศจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ แต่ปัญหาของน้ำร้อนในหม้อหุงข้าวตามศูนย์อาหารทั่วไปความจริงแล้วคือ อุณหภูมิน้ำไม่สูงพอที่จะทำลายเชื้อโรคได้ นอกจากจะไม่ทำให้เชื้อโรคตาย ยังทำให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวนมหาศาลสะสมอยู่ในน้ำนั้นอีกด้วย ด้วยความที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกชั่วโมง และที่สำคัญในการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตตัวอย่างเช่นแบคทีเรียบางพวก ซึ่งโดยปกติแล้วสามารถเจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิหนึ่งๆ อย่าง 20-45 องศา

เซลเซียส หากเรานำไปจุ่มในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 45 องศาเซลเซียส แต่เป็นอุณหภูมิที่ยังไม่สามารถฆ่าแบคทีเรียเหล่านั้นให้ตายได้ 

ถือว่าเราได้สร้างสภาวะความเครียดต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่แบคทีเรีย เป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตในการดำรงเผ่าพันธุ์นั่นเองที่ทำให้แบคทีเรีย เพิ่มจำนวนขึ้นอีกมากมายเพื่อให้รุ่นต่อไปอยู่รอดได้มากที่สุดเนื่องจากมัน รู้สึกว่า วิกฤตของชีวิตได้มาถึงแล้ว


อุปกรณ์ในการทำความสะอาดช้อนส้อม
ตะกร้าสำหรับใส่ช้อน ส้อม หรือตะเกียบ

ผ้าสะอาดสำหรับเช็ด

น้ำยาล้างจาน

ฟองน้ำ



เครื่องล้างจานและช้อน

ห้องเรียนของเราน่าอยู่




                   สวัดดีนักอ่านทุกท่านจ้าาาา



   วันนี้เราจะมาพูดกันถึงห้องเรียนของเรา ท่านผู้อ่านไม่ว่าจะอายุรุ่นราวคราวไหนก็คงจะไม่ลืมภาพห้องเรียนกันใช่ไหมจ๊ะ มีโต๊ะที่นั่งเป็นแถวยาวและสิ่งสำคัญที่สุดมักจะได้นั่งคู่กับเพื่อนซี้ 
แถมยังมีการฝากข้อความจากรุ่นสู่รุ่นไว้บนโต๊ะเก้าอี้กันอีกด้วยกระดานดำหน้าห้องที่มีฝุ่นชอล์กเลอะไปหมด กับถังขยะหลังห้องไม่มีก็คงไม่ได้ โต๊ะครูที่มักจะตั้งอยู่มุมห้อง แต่เอ๊ะ! จริงๆแล้วโต๊ะครูควรอยู่ส่วนไหนของห้องกันนะ มาหาคำตอบไปพร้อมกับพวกเราเลยจ้




วันนี้เราจะมาย้อนวันวานกับท่านผู้อ่านที่หวนนึกถึงภาพเก่าๆแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
พวกเรานักเรียนโรงเรียนสุราษฎร์ธานีจะเสวนาฮาเฮกันถึงเรื่องการทำความสะอาดห้องเรียนของเราในมุมต่างๆ โดยนำห้องเรียนของเราเองมาเป็นต้นแบบ ให้นักอ่านทุกท่านได้ดูได้ชมกัน ไปกันเลยจ้า







สถานที่แรกยามเมื่อสอดส่องสายตามองมาในห้อง คงต้องเห็น อั๊ยหยา !!!!!



บอร์ดให้ความรู้หน้าห้องนาฏศิลป์




                   บอร์ดแสยสวยของเรานั้นเอง







บอร์ดวันแม่ที่พวกเราช่วยกันจัด








ใครรู้บ้างเอ่ย 

ว่าบอร์ดที่เราเรียกกันอยู่นั้น ความจริงแล้วมันถูกตั้งชื่อให้อย่างสวยงามว่า "ป้ายนิเทศ" 

โดยปกติขิงปกตินั้นป้ายนิเทศมักจะถูกจัดวางให้อยู่ด้านหน้าข้างกระดานดำทั้ง ๒ ข้าง 

โดยเราจะจัดป้ายนิเทศหรือที่เราเรียนสั้นๆว่าบอร์ด ให้มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอน เช่น

การจัดบอร์ดให้ใหม่เสมอ สอดคลองกับเหตุการณ์สำคัญ เช่นวันแม่ที่ผ่านมานั้นเองจ้า

การจัดเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน เหมือนการจัดบอร์ดห้องดนตรีหรือนาฏศิลป์

รู้อย่างนี้แล้ว บอร์ดที่โรงเรียนของเพื่อนๆนักอ่านเป็นแบบไหนบ้างเอ่ย


v
v
v
v




เรามาดูส่วนต่อไปกันเลยดีกว่า
นอกจากบอร์ดหน้าห้องที่สวยงามแล้ว บรรยากาศอื่นๆเช่นแสงสว่างก็ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน












แสงสว่างที่พอเหมาะมีความจำเป็นต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ เพราะจะทำให้พวกเราอ่านหนังสื้อได้

ชัดเจน เป็นการถนอมสายตา ทำให้เราไม่ต้องตัดแว่นอีกด้วยล่ะ


ในห้องทำไมมีหน้าต่างเยอะแยะ แถมยังมีรูระบายอากาศเป็นช่องๆ สงสัยไหมว่าทำไม

เพราะจำทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เราจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลานั่งเรียนยังไงล่ะจ๊ะ






ไหนๆเราก็มองขึ้นไปบนเพดานกันแล้ว นอกจากดวงไฟก็จะเห็นเจ้านี้





ปิ้งป่องๆๆๆ ถูกต้องแล้วจ้า พัดลมติดเพดานนั้นเอง
พัดลมติดเพดาน เมื่อเพื่อนๆเห็นก็จะครุ่นคิดพอสมควรเวลาที่คุณครูให้พวกเราทำความสะอาด
วันนี้พวกเรามีวิธีการทำความสะอาดพัดลมที่ถูกต้องมานำเสนอจ้า




   

ขั้นตอนที่ 1

นำเศษผ้าหรือกระดาษหนังสือพิมพ์มาปูรอง ถอดชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่ถอดออกมา วางลงบนผ้า 


ขั้นตอนที่ 2

ถอดตะแกรงหรือฝาหน้าของพัดลม

ขั้นตอนที่ 3

ถอดฝาปิดตัวใบพัดของพัดลม นำตัวใบพัดออกมา

ขั้นตอนที่ 4

ทำความสะอาด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำยาล้างจางเพื่อล้างคราบความมันและ คราบฝุ่นต่างๆ ออกให้หมด

ขั้นตอนที่ 5

นำชิ้นส่วนใบพัดและตะแกรงหน้าเช็ดให้แห้งและอออกผึ่งแดด แล้วนำประกอบเข้าตามเดิม


เป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ แค่ 5 ขั้นตอนง่ายๆ คราวนี้เพื่อนๆจะได้ทำความสะอาดได้อย่างถูกวิธี 





คราวนี้เรามาดูมุมที่เราแอบเกริ่นกันไว้ดีกว่า นั้นก็คือ การจัดโต๊ะคุณครูนั้นเอง







เราควรจัดโต๊ะครูให้อยู่ในจุที่เหมาะสม 
อาจจัดไว้หน้าห้อง 
หลังห้อง 
หรือข้างห้องก็ได้ 
แต่มีงานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้อง
เพื่อมองเห็นนักเรียนได้อย่างทั่วถึง
อ๊ะๆ
 พอมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆคงคิดในใจว่า แล้วจะแอบส่งโพยข้อสอบยังไงกันล่ะทีนี้ 
เอาเป็นว่า จัดโต๊ะคุณครูไว้หน้าห้องเหมือนเดิมน่ะดีแล้วเนอะ
แต่เราควรจัดโต๊ะคุณครูให้เป็นระเบียบเรียนบร้อย ไม่เข้าไปนั่งในตอนที่คุณครูไม่อยู่ เพื่อความสะดวกต่อการทำงานของคุณครูและการส่งงานของเพื่อนๆเองจ้า











มาถึงมุมสุดท้ายที่ถือเป็นหน้าเป็นตาของห้องกันแล้วเนอะ

มุมนี้เป็นการฝึกความสะอาดของเพื่อนๆ โดยพวกเราจะต้องช่วยกันเก็บกวดเช็ดถูให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ เป็นการปลูกฝังนิสัยรักความสะอาดและฝึกทำงานร่วมกัน





อย่าลืมนะจ๊ะ

ใช้เสร็จแล้วจัดเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย ทิ้งขยะให้ลงถัง 
เพื่อนที่มีหน้าที่ทำความสะอาดประจำวันจะได้ไม่เหนื่อย 





ป็นยังไงกันบ้างเอ่ย 
นักอ่านท่านใดที่จบจากโรงเรียนไปนานแล้วคงได้หวนคิดถึงโรงเรียนสถานที่แห่งนี้ได้มากทีเดียว ฝากเพื่อนๆนำความรู้นี้ไปปรับใช้กับห้องเรียน เพื่อบรรยากาศการเรียนการสอนที่น่าเรียนจ้าาาาาา













ถนนสวยด้วยมือเรา

การดูแลรักษาพื้นคอนกรีต


ในการทำความสะอาดคราบต่างๆ ที่ติดฝังอยู่บนผิวคอนกรีตควรรีบทำตั้งแต่แรกๆ อย่างทิ้งไว้นาน โดยให้รีบทำความสะอาดส่วนที่หกลงบนพื้นผิวของคอนกรีตก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายไปบริเวณอื่น จึงควรซับด้วยกระดาษผ้าหรือวัสดุดูดซับอื่นๆ ให้ระวังพวกคราบน้ำมันต่างๆ เนื่องจากน้ำมันสามารถซึมลงไปฝังในเนื้อคอนกรีตได้ ในการทำความสะอาดรอยเปื้อนจากคอนกรีตควรลองทำในพื้นที่เล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาก่อนเผื่อว่าไม่ได้ผลจะได้เปลี่ยนวิธีได้ทัน โดยหลังจากการขจัดคราบด้วยวิธีใดๆ แล้วก็ควรล้างน้ำทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

ข้อควรระวังในการใช้สารเคมีในการขจัดคราบ !!! 
  • กรดไฮโดรคลอริคเจือจาง, น้ำยาฟอกขาวหรือสารทำความสะอาดอื่นที่มีสารเคมีเป็นองค์ประกอบหลัก สามารถทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้ ถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้อง
  • อ่านขั้นตอนการเตรียมสารละลายและคำเตือนของผู้ผลิตสารเคมีอย่างละเอียดก่อนใช้
  • ปฏิบัติตามข้อแนะนำความปลอดภัยและอัตราการผสม
  • ในการผสมสารเคมีควรเจือจางกรดด้วยการเติมกรดลงในน้ำที่เตรียมไว้ โดยไม่ควรเติมน้ำไปเจือจางกรด
  • สวมเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม และควรปฎิบัติงานในที่ที่มีอากาศถ่ายเท
  • กรดสามารถทำลายพื้นผิวของคอนกรีตได้ ในการใช้จึงจะต้องเจือจางก่อนและล้างทำความสะอาดทันทีหลังจากการใช้งาน
              ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย คือ ความเสียหายของผนังด้านนอกอาคาร เนื่องจากไม่ได้ติดตั้งขอบผนัง และร่องน้ำไหล เพื่อหลีกเลี่ยงคราบสกปรกไหลลงติดผนังอาคารบันได ติดตั้งไม่ถูกต้อง เนื่องจากขาดขอบบันได และร่องน้ำไหลตัวฐานอาคารคอนกรีต ขาดขอบผนังเพื่อป้องกันคราบสกปรกที่เกิดจากการกระเด็นจากพื้นดิน



คราบเชื้อรา 
                ราดน้ำให้พื้นเปียกจากนั้นใช้น้ำยาฟอกขาว ราดให้ทั่ว ขัดให้สะอาดแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ทิ้งไว้จนแห้งค่อยขัดคราบเชื้อราที่หลงเหลืออยู่ด้วยแปรงที่มีขนแข็งๆ ซึ่งอาจทำซ้ำได้ถ้าคราบติดฝังแน่น การฉีดล้างด้วยน้ำที่มีแรงดันสูง (High-Pressure) ก็จะช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

คราบสนิม 
                ก่อนอื่นให้ขัดสนิมที่ผิวด้วยแปรงลวดเสียก่อน จากนั้นนำโซเดียมซิเตรต (Sodium citrate)   1 ส่วนผสมน้ำอุ่น 6 ส่วน คลุกกับวัสดุมีคุณสมบัติดูดซับได้ดี เช่น ทรายแมว (Cat Litter) จนวัสดุดังกล่าวอิ่มตัว จากนั้นนำไปพอกเอาไว้บริเวณคราบดังกล่าว รอจนแห้งจึงค่อยกวาดออกแล้ว ตามด้วยการทำความสะอาดอีกครั้งด้วยการขัดทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดพื้นผสมกับน้ำอุ่น แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที

คราบเขม่าควัน 
                ให้ขัดคราบเขม่าควันด้วยผงขัดจากหินภูเขาไฟ (Powdered Pumice) หรือผงขัดทำความสะอาดที่เป็นสารฟอกขาวที่ใช้ในบ้านเรือน เช่น ซักผ้าขาว ขจัดคราบ ฆ่าเชื้อ ซึ่งจะเป็นสารฟอกขาวประเภทคลอลีน เช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรด์และ โซเดียมไฮโปคลอไรด์

รอยเปื้อนจากคราบไม้  
               ขัดด้วยน้ำยาฟอกขาว แล้วล้างทำความสะอาด จากนั้นใช้เศษผ้าจุ่มน้ำยาฟอกขาว ให้ชุ่มแล้วนำมาโป๊ะเอาไว้ซักพัก ทำซ้ำได้จนกว่าจะพอใจ หลังจากนั้นขัดทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดพื้น แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที